การแบ่งส่วนยันต์ ผ้าพาดไหล่ครูแห่งยุคสมัย ปักด้ายสีทั้งผืน
จากจีวรและผ้าสังฆาฏิแบ่งส่วนสู่จตุสดมภ์ เย็บรวมเป็นผืนเดียว
จีวร เป็นปัจจัยหรือบริขาร ของพระสงฆ์อย่างหนึ่งในจำนวน ๔ อย่าง นอกจากคำว่า "จีวร" ยังใช้หมายถึงเฉพาะผ้าห่มของพระสงฆ์อย่างเดียวก็ได้ จีวร ที่ใช้ในความหมายว่าผ้าห่มอย่างเดียว มีชื่อเรียกเฉพาะว่า อุตราสงค์
จีวรของพระสงฆ์ ประกอบด้วยผ้า ที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนเล็กๆ มาต่อกัน จึงมีลักษณะเป็นผ้าที่เศร้าหมองคือผู้อื่นมักไม่ต้องการไปตัดเย็บอีก เหมาะสมกับสมณะ ผ้าสี่เหลี่ยมผืนเล็ก ๆ ที่เย็บต่อกันนั้นปรากฏลวดลายเป็นลายคันนา ออกแบบโดยพระอานนท์ ดังปรากฏข้อความในพระวินัยปิฏก ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"อานนท์เธอเห็นนาของชาวมคธ ซึ่งเขาพูนดินขึ้นเป็นคันนาสี่เหลี่ยม พูนคันนายาวทั้งด้านยาวและด้านกว้าง พูนคันนาคั่นในระหว่างๆ ด้วยคันนาสั้นๆ พูนคันนาเชื่อมกับทาง ๔ แพร่ง ตามที่ซึ่ง คันนากับคันนา ผ่านตัดกันไปหรือไม่? ...เธอสามารถแต่งจีวรของภิกษุทั้งหลาย ให้มีรูปอย่างนั้นได้หรือไม่” พระอานนท์ตอบว่า "สามารถ พระพุทธเจ้าข้า"
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ทักขิณาคิรีชนบทตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จกลับมาพระนครราชคฤห์อีก
ครั้นท่านพระอานนท์แต่งจีวรสำหรับภิกษุหลายรูปแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ได้กราบทูลว่า
"ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงทอดพระเนตรจีวรที่ข้าพระพุทธเจ้าแต่งแล้ว พระพุทธเจ้าข้า"
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานนท์เป็นคนฉลาด อานนท์ได้ซาบซึ้ง ถึงเนื้อความแห่งถ้อยคำที่เรากล่าวย่อ ได้โดยกว้างขวาง ...จีวรจักเป็นผ้าที่ตัดแล้ว เศร้าหมองด้วยศัสตรา สมควรแก่สมณะ และพวกศัตรูไม่ต้องการ”
จากแปลงนาของชาวมคธราช สู่ผ้าพาดไหล่ครู จตุสดมภ์
ทำการตีช่องแบ่งออกเป็น 25 ส่วน
เวียง 5 ส่วน, วัง 10 ส่วน, คลัง 5 ส่วน และ นา 5 ส่วน
องค์ประกอบของ “จตุสดมภ์”
จตุสดมภ์ หมายถึง “หลักทั้งสี่” มีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
กรมเวียง – มี ขุนเวียง เป็นผู้ดูแล มีหน้าที่ รักษาความสงบสุขของราษฏร
กรมวัง – มี ขุนวัง เป็นผู้ดูแล เป็นหัวหน้าฝ่าย ราชสำนักการพิจารณาพิพากษาคดี
กรมคลัง – มี ขุนคลัง เป็นผู้ดูแล มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินที่ได้จากการเก็บส่วยอากร
กรมนา – มี ขุนนา เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลการทำไร่ นา และสะสมเสบียงอาหารของ พระนคร
กรมเวียง
1. กรมเวียง มีหน้าที่ดูแลเมืองหลวงในทุกกิจการ ดูแลสถานที่สำคัญ รักษาความสงบในราชธานี มีกองตระเวนและศาลขึ้นอยู่ใต้การบังคับบัญชา มีศาลนครบาลสำหรับการพิพากษาคดีในพระนคร และดูแลเสภาพระนคร (เรือนจำ เสภาแปลว่าคุก) โดยมีกรมย่อยที่ขึ้นกับกรมเวียงเช่น กรมกองตระเวนขวา กรมกองตระเวนซ้าย
เมื่อมีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กรมเวียงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กรมนครบาล มีพระยายมราชอินทราธิบดีศรีวิชัยบริรักษ์โลกากร เป็นเสนาบดี ศักดินา 10,000 ไร่
กรมวัง
2. กรมวัง มีหน้าที่บังคับกิจการในพระราชวัง ดูแลพระราชฐาน ควบคุมการรับจ่ายในวัง รับผิดชอบงานพระราชพิธี บังคับบัญชาคนในวังยกเว้นคนของกรมมหาดเล็ก
กรมวังยังมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการยุติธรรม เพราะคติที่ถือว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นต้นของความยุติธรรมในสังคม กรมวังมีหน้าที่ดูแลศาลหลวง และการแต่งตั้งยกกระบัตรไปทำหน้าที่ดูและความยุติธรรมหรือเป็นหัวหน้าศาลในหัวเมือง
กรมคลัง
3. กรมคลัง มีหน้าที่หน้าที่ควบคุมรายรับ รายจ่าย มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการค้าสำเภา ติดต่อการค้ากับต่างประเทศและดูแลรับรองคณะทูตจากต่างประเทศและควบคุมดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในอยุธยา
กรมคลังมีกรมในสังกัดคือ กรมพระคลังสินค้า กรมท่าซ้ายและท่าขวา
เมื่อมีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กรมคลังเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกรมโกษาธิบดี มีพระยาศรีธรรมราชเดชชาติอำมาตยานุชิตพิพิธรัตนราชโกษาธิบดี เป็นเสนาบดี ศักดินา 10,000 ไร่
กรมนา
4. กรมนา มีหน้าที่ ดูแลที่ดิน รังวัด ถือทะเบียนที่ดิน ใบเหยียบย่ำ ตราจอง โฉนด คอยควบคุมการทำนา รวมสถิติน้ำฝน ต้นข้าวไว้กราบบังคมทูลเวลาเสด็จออกว่าราชการ หาพันธ์ข้าวและควายให้ราษฎร รวมทั้งมีหน้าที่ในการจัดพระราชพิธีแรกนา ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่รับมาจากอินเดีย โดยพระยาพลเทพเป็นผู้ทำการแทนพระเจ้าแผ่นดิน
กรมนามีศาลสำหรับตัดสอนคดีเกี่ยวกับที่นา สัตว์พาหนะ
ในการเก็บภาษีที่นา กรมนาจะตั้งข้าหลวงเสนาทำหน้าที่ประเมินภาษี เก็บภาษีในที่นาโดยนาที่ถูกเก็บภาษี จะแบ่งเป็น นาฟางลอย คือนาที่อาศัยน้ำท่วม ผลผลิตที่ได้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ เก็บภาษีได้เฉพาะเวลาที่ทำนาได้ และนาคู่โค เป็นนาดีที่ควรจะทำนาได้ผลทุกปี อยู่ในที่ดี เป็นนาดำมีการชลประทานดี เก็บภาษีตามเนื้อที่ดิน
กรมนายังมีหน้าที่ควบคุมกรมฉางหลวง คอยซื้อข้าวตลอดจนอาหาร สัตว์พาหนะ ของป่า งาช้าง หนังสัตว์ และมีหน้าที่เกณฑ์สัตว์พาหนะจากราษฎรในเวลามีศึกสงคราม
เมื่อมีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กรมนาเปลี่ยนชื่อเป็น กรมเกษตราธิการ มีพระยาพลเทพราชเสนาบดี ศรีไชยนพรัตน์เกษตราธิบดี ถือศักดินา 10,000 ไร่
มูลเหตุในการจัดแบ่งตาม จตุสดมภ์ เป็นการอ้างอิง บทบาทหน้าที่ในการจัดการบริหารพัฒนาทั้งกิจการทางโลกทางธรรมโดยบริบูรณ์ ผ้าพาดไหล่ใช้ในการพิธีออกงาน ไหว้พระสวดมนต์ รวมทั้งการพิธีเต็มยศที่มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้องกันอีกด้วย เมื่อทำการพับสามพับจะได้ขนาดพอดีพาดไหล่ แบ่งเป็นสองด้าน ด้านหน้าครองเมืองใช้ในการมงคลเจริญรุ่งเรือง ด้านหลังท้าวเวสสุวรรณ สุริยันจันทราใช้ในการปกป้องทำลายอาถรรพ์ปล้นค่ายเป็นต้น