ยันต์ ๕ แถว ๙ ยอด มหาพิชัยสงครามหมื่นพุทธ สมบัติจักรพรรดิ์
เป็นยันต์ ดวงมหาพิชัยสงครามชุดใหญ่ที่มุ่งเน้นในด้านเสริมดวงชะตาการแข่งขันทางธุรกิจ การงาน และการครอบครองเข้าถึงทรัพยากรในอนาคต ให้มีความเพียบพร้อมอุดมสมบัติดังพระเจ้าจักรพรรดิ์ ยันต์นี้จะรวบรวมยันต์ที่มีสรรพคุณโดดเด่นครบทุกด้าน
ที่เรียกชื่อยันต์ ๕ แถว แต่ไม่ได้มีรูปยันต์เป็นอักขระจำนวน ๕ แถวเป็นแนวเรียงอย่างที่เคยปรากฏ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการวางผังยันต์หลัก กำหนดให้องค์พระพุทธชัยวัฒน์ยอดธง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำยอดธงพิชัยสงคราม ซึ่งเขียนเป็นรูปองค์พระพุทธแทนองค์พระวงกลมสามชั้นตามตำรายันต์ เมื่อจัดเรียงเป็นแนวตั้งตามสูตรยันต์องค์เอกยักขาหรือกุมภัณฑ์ถอดรูปอันมีมาในคัมภีร์ตรีนิสิงเหจำนวน ๕๖ ชั้น (เท่ากับจำนวนอักขระพระคาถา อิติปิโสฯ) แล้ววางวงกลมระหว่างองค์พระจำนวน ๕ แถวแนวตั้งเพื่อลงอักขระยันต์ออกศึกสงครามนั่นเอง เกิดเป็นเสาองค์พระคือแกนกลางยันต์แบบไม่เคยปรากฏในกระบวนการยันต์มาก่อน แกนกลางยันต์นี้สร้างจากเนื้อหาอ้างอิงไตรภูมิกถา เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุราชแกนกลางของจักรวาล ปัจจุบันคตินี้คือเสาหลักเมืองอันเป็นแกนกลางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง แล้วตั้งยันต์ดวงพิชัยสงครามไว้ท่ามกลางเสาองค์พระนี้เป็นตำแหน่งของดวงชะตาพิชัยสงคราม พร้อมกับวางยันต์ ๙ ยอด ที่สอดคล้องกับยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม นวหรคุณ และยันต์สมบัติจักรพรรดิ์เพื่อบ่งบอกสรรพคุณของยันต์ ส่วนในทางธรรมพระพุทธรูปประธานปางพระมหาสมัยสูตร กล่าวว่าเป็นพระพุทธรูปปางยิ่งใหญ่เหนือสภาเทวดาและมนุษย์มากที่สุด แม้ว่าพระคาถาในพระสูตรนี้จะอ้างความวิจิตรพิสดารเกินจินตนาการนฤมิตของคนในปัจจุบันแต่ก็นับเป็นความสวยงามในรูปยันต์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นเดียวกัน
ภาคที่ สามส่วนล่าง
ฐานล่างสุด สิ่งที่เป็นมงคลแรกบนแผ่นยันต์ได้แก่รูปดอกบัวหลวงปทุมชาติ เป็นตำแหน่งใช้ลงอักขระอักษรแรกของชื่อเจ้าของแผ่นยันต์ ซึ่งเป็นการนำชื่อบุคคลถอดเป็นหัวใจย่อตามระบบยันต์จารในดอกบัวล้อมด้วยบัวบริวารทั้ง ๕ (อายุ วรรณะ สุข พละ ธนสารสมบัติ) ถัดจากกลุ่มบัวเป็นช้างคู่บารมี ๔ เชือก และพญานาคออกมาจากขดงวงช้าง ซึ่งในแผ่นยันต์นี้ใช้รูปช้างลายโบราณสัมพันธ์กันกับคำโบราณ ว่า "นากคะ" แปลว่า ช้าง รวมเข้าเป็นช้างมงคล ๔ ตระกูล คือ ช้างตระกูลพรหมพงศ์, ช้างตระกูลอิศวรพงศ์, ช้างตระกูลวิษณุพงศ์ และ ช้างตระกูลอัคนีพงศ์ (พึงค้นคว้าเพิ่มเติม) นาค ๒ ตระกูล คือนาคตระกูลภูริทัศน์ พระชาติหนึ่งในทศชาติของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้ตรัสรู้บรรลุธรรมและนิพพานแล้ว กับอีกตระกูลหนึ่งเหล่านาคทั้งปวงผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า ส่วนนี้จัดเป็นฐานธรณีรองรับยันต์ภาคอื่น ๆ ที่อยู่เหนือขึ้นไป
รากฐานของเสาองค์พระชัยวัฒน์ยอดธง วางยันต์องค์ฉวัจฉราชา (เลข ๖ สูตรตรีนิสิงเห) ในบัวกลีบขนุน ด้านซ้ายวางบันไดยันต์ นะ มหามงคล, ยันต์พระจันทร์เชิญฉัตรเงิน, ยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์, ยันต์พระสยามเทวาธิราช ประดิษฐานบนยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์, ด้านขวาวางบันไดยันต์ นะมหามงคล, ยันต์พระอาทิตย์เชิญฉัตรทอง, ยันต์สมบัติจักรพรรดิ์ดวงที่หนึ่ง, ยันต์พระคลังมหาสมบัติ ประดิษฐานบนยันต์สมบัติจักรพรรดิ์ดวงที่หนึ่ง เหนือฉัตรเงิน (พระจันทร์) ฉัตรทอง (พระอาทิตย์) วางยันต์สมบัติจักรพรรดิ์ดวงที่สองและดวงที่สาม ต่อขึ้นไปเหนือพระจันทร์ วางยันต์องค์อัฏฐะอรหันตา (เลข ๘ สูตรตรีนิสิงเห), ยันต์องค์ทเวราชา (เลข ๒ ตรีนิสิงเห), ยันต์พรหมสี่หน้าดวงที่หนึ่ง เหนือพระอาทิตย์ วางยันต์องค์ปัญจะพุทธา (เลข ๕ ตรีนิสิงเห), ยันต์องค์จตุเทวา (เลข ๔ ตรีนิสิงเห) ยันต์พรหมสี่หน้าดวงที่สอง
ภาคที่สามส่วนบน
เล่าเรื่องยันต์ปราสาทจักรพรรดิ์
ปราสาทนี้เป็นปราสาทสามชั้น สร้างขึ้นด้วยยันต์ต่าง ๆ เขียนยันต์บานประตูใหญ่ด้วยยันต์มหาละลวย หรือร่ำรวย ยันต์นี้เป็นยันต์วงกลมเมื่อทำการหมุน ๔๐ องศา แล้วแบ่งเป็นสองฝั่งประกอบเข้ากับเสาพระชัยวัฒน์ยอดธง ลากเส้นยันต์สี่เหลี่ยมซ้อนกันสองชั้นเป็นประตูยันต์ลงอักขระยันต์ตามสูตรมหาละลวยเสริมส่งอำนาจ เป็นที่นับถือ บังเกิดลาภอันประเสริฐทุกประการ
กำแพงของเรือนปราสาทเขียนด้วยยันต์ นะ ชุมพล, ยันต์ นะ ปลอมพล, ยันต์ นะ ไม้เท้าค้ำฟ้า หน้าต่างปราสาทเขียนด้วยยันต์ นะ ยินดี, หลังคาปราสาท ยันต์ นะ พุทธังเทพรำจวน, หน้าจั่วปราสาทชั้นที่หนึ่ง ยันต์เศรษฐี องครักษ์หน้าทอง, หน้าจั่วปราสาทชั้นที่สองยันต์ราชะเมตตา, ช่อฟ้าทุกชั้นเขียนด้วยยันต์ นะ เสนาสนะ กำกับด้วยยันต์ นะ ตรัยรัตน์
ประธานในห้องเรือนปราสาทชั้นที่หนึ่งซ้าย ยันต์องค์สัตตนาคา (เลข ๗ ตรีนิสิงเห), ห้องขวา ยันต์องค์พระควัมบดี, ประธานในห้องเรือนปราสาทชั้นที่สองซ้าย ยันต์องค์ตรีนิสิงเห (เลข ๓ ตรีนิสิงเห), ห้องขวา ยันต์องค์ปัญจพรหมา (เลข ๕ ตรีนิสิงเห) ด้านหน้าจั่วในแต่ละชั้นวางยันต์ห้ามภัย รูปวงกลมทุกชั้น
ภาคที่ สอง ส่วนกลางสำหรับจารดวงพิชัยสงคราม
วางยันต์ดวงพิชัยสงครามลงอักขระ พระคาถา "อิติปิโสฯ" ย่างตาม้า วางยันต์ค่าควรเมืองดวงที่หนึ่งด้านซ้าย ดวงที่สองด้านขวา (ยันต์รูปสี่เหลี่ยมสีแดง ความหมายของยันต์มีค่าเท่ากับเมืองราชธานีหนึ่ง ๆ ), ด้านบนของยันต์ดวงพิชัยสงครามวางยันต์ ๙ ยอด รูปเจดีย์ ๙ ยอดในทิศเฉียง จำนวน ๒ ยันต์ (ยันต์รูปเจดีย์ฐานโค้งวงพระจันทร์เสี้ยวลงเพื่อล้อมดวงชะตา ยันต์สีดำและแดง ความหมายชัยมงคลทั้ง ๙ ), ด้านบนยันต์ดวงพิชัยสงครามต่อเชื่อฐานของเสาพระพุทธชัยวัฒน์ยอดธงช่วงที่สองด้วยยันต์พุทธมหาชัยมงคล ลงอักขระตัวเลขแบบ จตุสดมภ์ ซึ่งเป็นรูปแบบยันต์เดียวกันกับยันต์มหาละลวยในฐานช่วงล่าง (ยันต์รูปพัดคลี่ วางยันต์สี่เหลี่ยมไขว้ตรงมุมทั้งสี่ด้าน หมายถึง เวียง วัง คลัง นา), เหนือยันต์ ๙ ยอด วางยันต์โสฬสมหาจักรพรรดิ์ ซึ่งเป็นยันต์โสฬสมหามงคลวงกลมจักราวุธรูปกังหันและยันต์แปดทิศแบบจีนรวมกัน จำนวน ๒ ดวงทางด้านซ้ายและขวา (วงกลมสีน้ำเงินการเคลื่อนอภิวัฒน์ของพุทธมงคลสอดคล้องกับจังหวะพัฒนาการทางสังคมของโลก), ต่อไปวางยันต์ทศเทพ หรือ ทสเทพ จำนวน ๖ ยันต์ลงอักขระยันต์ทศเทพ (ยันต์รูปดอกมณฑาทิพย์สีฟ้า ยันต์นี้นิยมใช้เป็นไสวธงให้ลมพัดผ่าน ด้วยเป็นยันต์ธาตุลม อากาศธาตุ ซึ่งลงคาถาเทพทั้งสิบ หมายถึงบุญอำนาจวาสนาบารมีที่เทวดาทั้งหลายบังเกิดมีอยู่) ในส่วนนี้เพิ่มจะลงยันต์ นะ ต่าง ๆ เป็นลายน้ำ เปรียบเสมือนจักรวาลต่าง ๆ โดยกำหนดเส้นยันต์วงกลมให้ลากผ่านยันต์ภัทรกัลป์ (ยันต์รูปพุทธซ้อนสีม่วง จำนวน ๔ ยันต์ ตั้งขึ้นเป็นภัทรกัลป์ปัจจุบัน กลับหัวลงเป็นภัทรกัลป์ในอดีต หมายถึงการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าและการเรียกคืนบารมีเจ้าของดวงชะตา), วางยันต์ นะ จักรวาล (นะรูปดาบวงพระจันทร์สีเทา), ยันต์ นะ สกลชมพู, ยันต์ นะ มหานิยม, ยันต์ นะ ราหู, ยันต์ นะ พระธรรมพระพุทธเจ้า ๓๒ พระองค์, ยันต์ นะ ตรัสรู้แจ้งธรรม, ยันต์ นะ ชุมพล (รูปดาวประกายพรึก หรือดาวศุกร์หรือสุข สีน้ำตาล ๒๐ ยันต์, องค์พระตรีนิสิงเหคู่บารมีดวงชะตา (องค์พระสี่ชั้นที่ใช้ในการแปลงตัวเลขดาว ๐-๙ ในดวงลัคนาเป็นยันต์องค์พระพุทธคุณ ยันต์องค์พระรูปสีเขียวสององค์)
ภาคแรก
ศูนย์กลางยันต์พระประธาน พระพุทธรูปปางพระมหาสมัย ในอริยาบทนั่งประทานพรกลางอากาศธาตุ แผ่รัศมี ๓๖๐ ทิศ ด้วยลายรักร้อยลงอักขระ "มะอะอุ" พวยพุ่งออกจากองค์พระรูป ล้อมชั้นแรกนี้ด้วยวงกลม เขียนรัศมีชั้นที่สองด้วยยันต์พระพุทธนิมิตวางประจำทั้ง ๘ ทิศ สลับกันกับยันต์ ๘ ทิศและยันต์พระตรัยรัตน์มหาอุจจ์ รวมเป็นอานุภาพดุจแสงอาทิตย์ในกลางวันและแสงจันทร์ในกลางคืนซึ่งมีผลในยันต์ที่มีการกำหนดเวลาทำยันต์ตามตำราต่าง ๆ
เหนือวงรัศมีตั้งแถวมหาธงชัย ๙ ชุด ด้วยยันต์นวหรคุณองครักษ์ ๙ เหลี่ยม กำกับด้วยอักขระ "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ" ยันต์ อิธะเจ ยันต์นวหรคุณนี้มีตำราทำยันต์อย่างพิสดาร เริ่มจากการลงอักขระ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ แล้วลบ "อะ" เป็นขีดเส้นแนวนอน ลบ "สัง" ขีดเส้นต่อไปทางซ้ายแนวเฉียง และลบอักขระตัวต่อ ๆ ไป จนได้เส้นยันต์รูป เหลี่ยมเพชร ๙ แฉก (มีสูตรทำยันต์กำกับ) จากนั้นถึงลงยันต์ นะ อุณณาโลม กำกับเหลี่ยมมุมทั้ง ๙ ลงคาถา นวหรคุณ ลงยันต์องครักษ์ พร้อมด้วยยันต์พระนิพพานไตรโลกคู่ซ้ายและขวา (ทุกขั้นตอนมีสูตรทำยันต์กำกับ จึงจะสำเร็จเป็นยันต์นวหรคุณองครักษ์
ยันต์ชุดนี้มีความหมายพิเศษ หัวใจนวหรคุณ (นิพพานจักรี) บทสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า (พึงค้นคว้าเพิ่มเติม) โดยมีการเรียงลำดับยันต์จากยันต์พระนิพพานไตรโลก ถัดมาเป็นยันต์ นวหรคุณองครักษ์ดวงที่ ๑ หลังจากทำยันต์สำเร็จแล้วให้ลบอักขระต่าง ๆ ให้เป็น "อะ" ทั้ง ๙ ตัว ยันต์ชุดต่อ ๆ ไป ก็ให้ทำการลบ เป็น "สัง" ทั้ง ๙ ตัว ทำเช่นเดียวกัน ยกเว้นยันต์ชุดที่ ๕ ห้ามลบ แต่ให้ลงทับซ้ำ จำนวน ๙ จบ จึงจะสำเร็จเป็นยันต์นี้สมบูรณ์ กำหนดเวลาลงในวันเพ็ญเดือนวิสาขะเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันอนุโลมไปตามยุคสมัย การทำยันต์ที่สลับซับซ้อนนี้ มีความหมายซ้ำซาก หรือย้ำทำซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้เกิดความชำนาญ จดจำจนขึ้นใจ ซึ้งศรัทธาในความหมายความสำคัญ เป็นตำรายันต์ชั้นสูงที่มีเฉพาะผู้สูงศักดิ์เจ้าขุน นายในอดีตเท่านั้นที่ได้ศึกษามิได้ตกทอดแก่คนทั่วไป จึงเรียกว่าหัวใจของจักรพรรดิ์คือต้องยิ่งกว่าผู้ใดนั่นเอง
ด้านล่างรัศมี วางองค์พระอรหันตสาวก (แถวสีฟ้าถึงสีแดง) ลงอักขระ "อะ" ในองค์พระ จำนวน ๖ แถว รวม ๓๒๖ องค์ แทนพระอรหันต์ตามพระมหาสมัยสูตรทั้งสิ้น วางองค์พระสวมชฎา จำนวน ๒ แถว (แถวสีแดงและสีชมพู) ลงอักขระ "ทะ" ในองค์พระ แทนเทวดาทั้งสิ้น ล่างสุดวางองค์พระสวมชฎา จำนวน อีก ๒ แถว (แถวสีม่วงและสีน้ำเงิน) ลงอักขระ "มะ" แทนมนุษย์ทั้งสิ้น ระหว่างองค์นี้จะลงอักขระ กำกับธาตุส่วนตัวแตกต่างกันไปของธาตุปรับดวงเจ้าของชะตา
ตรงกลางจำลองยอดเขาพระสุเมรุราช ด้วยรูปองค์พุทธะชัยวัฒน์ หรือพระยอดธง ในตารางรูปยันต์ออกศึกสงคราม ลงอักขระแนวตั้งจำนวนห้าแถว ด้วย "นะ ๕ พุ ๕" จำนวน ๕๖ ชั้น การณรงค์สงครามในอดีตให้ความสำคัญในเรื่องขวัญและกำลังใจส่วนปัจจุบันการเข้าถึงทรัพยากรโลก ทั้งการค้าการเงินการปรกครอง ล้วนต้องมีชัยเหนือผู้อื่น พระพุทธรูปปางพระมหาสมัยตามพระสูตรนี้ท่ามกลางการประชุมสภาสงฆ์และเทวดาพระพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์มีชัยชนะเหนือหมู่มารและพญามารไม่ว่าจะเทียบมารนี้คือกิเลสหรือผู้มีฤทธิ์เดชเหนือเทวดามนุษย์ ต้องพ่ายแพ้ในพระพุทธคุณ การนำยันต์รูปองค์พระและรูปพระชัยวัฒน์ยอดธง มาดำเนินเนื้อหายันต์แผ่นนี้ เพื่อความเป็นชัยมงคล อันเป็นที่มาของจตุสดมครบถ้วนทุกประการซึ่งเป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์นั่นเอง
จบอธิบายเนื้อหาบริบูรณ์
ยันต์ ๕ แถว ๙ ยอด มหาพิชัยสงครามหมื่นพุทธ สมบัติจักรพรรดิ์
ภาคการลงดวงพิชัยสงคราม
การลงดวงพิชัยสงครามในรูปแบบยันต์ เมื่อได้ผลการคำนวณจากครูอาจารย์ผู้ทรงความรู้ความสามารถแล้ว ยันต์โลหะแผ่นนี้ จะประกอบด้วยตำแหน่งต่าง ๆ ที่สนับสนุนความพิเศษในการลงดวงพิชัยสงครามเฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้
๑. ตำแหน่งดวงราศีจักรล้อมด้วยยันต์พิชัยสงคราม (ต้นแบบเป็นดวงพระชะตาวันตรัสรู้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
๒. ตำแหน่งอินทภาสและบาทจันทร์ (ฉัตรคู่ซ้ายและขวา)
๓. ตารางอัตตามานัตต์ รูปเจดีย์ยอดล้อมด้วยราศีแบบโรมันหมุนตามดวงบุคคล
๔. ตำแหน่งดวงนวางค์จักร (ยันต์ดวงราศีสี่เหลี่ยมล้อมด้วยคาถากระทู้เจ็ดแบก ทางด้านซ้าย สำหรับเสริมดวงนวางค์จักร)
๕. ตำแหน่งดวงตรียางค์จักร (ยันต์ดวงราศีสี่เหลี่ยมล้อมด้วยคาถากระทู้เจ็ดแบก ทางด้านขวา สำหรับเสริมดวงตรียางค์จักร)
๖. ตำแหน่งดาวเกษตร (ยันต์เสริมราศีดาวเกษตรเฉพาะบุคคล ทางด้านซ้าย)
๗. ตำแหน่งดาวอุจจาวิลาส (ยันต์เสริมราศีดาวอุจจาวิลาสเฉพาะบุคคล ทางด้านขวา)
๘. ตำแหน่งดาว ๑๒ นักษัตร (วางตามลำดับขั้นบันไดหมุนตามบุคคล)
๙. ชั้นบันไดยันต์ นะ ชัยมงคล ลงแบบขั้นบันไดขึ้น ภายในจารพระคาถากรณียเมตตสูตร (ความหมายเป็นที่รักและมีมิตรไมตรีเมตตาทุกทิศ) แบ่งเป็นชุดละ ๑๐ ขั้น รวม ๔ ชุด ซ้ายและขวา กึ่งกลางวางยันต์มหาทะมึ่นพาหุงเป็นรูปเรือนพักระหว่างชั้นบันได (ความมั่นคงเสถียรภาพ)
ยันต์จารบนโลหะทองแดง ขนาด ๔๐x๑๕๐ แผ่นนี้ จัดเป็นยันต์ดวงที่ประกอบด้วยศาสตร์และศิลป์ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งเนื้อหายันต์และจารึกดวงพิชัยสงครามที่สุดแห่งยุคสมัย